วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

พี่พัฒน์ ผมจะไม่ให้พี่ถูกสื่อบิดเบือนความจริง

พี่พัฒน์ 
ผมจะไม่ให้พี่ถูกสื่อบิดเบือนความจริง


ข่าวนางสาวพัฒนา เชียงแรง หรือ พี่พัฒน์ ที่ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 ทีแรกแสนดีก็จะทำข่าวนี้นะครับ แต่เห็นมีข้อมูลของ DSI ที่ออกมาไม่ตรงกันบางจุด เมื่อเทียบกับที่พี่หมวย ที่เป็นหน่วยกู้ชีพของทางวัดพระธรรมกาย ทำให้คนในสังคมมีจุดที่สงสัย แสนดีจึงขอรวบรวมข้อมูลก่อนน่ะครับ

ต้องเกริ่นก่อนนะครับ นางสาวพัฒนา เชียงแรง หรือพี่พัฒน์เนี่ย แสนดีเจอบ่อยครับ พี่เขานิสัยดีมาก ใจดี เบิกบาน แล้วใจอยู่ในบุญมาก ทำความดีอย่างเต็มที่จริง ๆ ดูแลคนที่วัดอย่างเอาใจใส่ ทั้งพระเณร และฆราวาส แล้วทำแบบนี้มาหลายสิบปี และหน้าที่ประจำของพี่เขาคือ เป็นผู้ช่วยเภสัชกรของวัดพระธรรมกายครับ ซึ่งด้วยบุญที่พี่พัฒน์ตั้งใจทำความดีเพื่อผู้อื่นและช่วยอุปถัมภ์บุคลากรในพระพุทธศาสนาด้วยความตั้งใจนี้ พี่เขาไปดีแน่ครับ

.......................................
ทีนี้พี่เขามีโรคประจำตัว คือโรคภูมิแพ้ ซึงพี่เขามียาติดตัวอยู่แล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่มียาตามที่เป็นข่าว แต่ว่ายาที่พี่เขามีซึ่งปกติมันเพียงพอนะครับ แต่คาดว่า อาจจะเกิดการแพ้อะไรบางอย่าง เพราะพี่เขาแพ้เกสรดอกไม้ด้วย อาจจะเป็นเหตุให้อาการรุนแรงเกินกว่ายาที่พี่เขาจะใช้ได้ผล จึงเป็นหอบหืดขั้นรุนแรงที่หายใจไม่ออก 
.......................................


ซึ่งอันตรายมากทีเดียว พี่เขาจึงรีบติดต่อที่จุดพยาบาลบุญรักษา ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ตอน 11:29 น. ให้รีบมาที่ห้องของเขาที่ 58 ไร่ หลังวัดโดยปกติ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินในบริเวณนั้นหน่วยกู้ชีพของวัดก็จะไปถึงได้ภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที 

แต่ปรากฏว่าเจอพิษม. 44 เพราะเมื่อกู้ชีพของวัดไปถึงด่านตำรวจที่อยู่ใกล้ ๆ เดินไปเพียงไม่เกิน 5 นาที แล้วคิดว่าจะให้เขาไปส่งที่ 58 ไร่หลังวัด เขากลับไม่ยอมให้ผ่าน เขาให้ DSI เป็นผู้ตัดสินใจ และ DSI ผู้นั้น เลือกที่จะตัดสินใจเอา ม.44 ไม่สนใจชีวิตคนที่กำลังจะตาย !!!! (อยากรู้จักมากเลยนะครับว่า DSI คนนั้นคือใคร )

ทีนี้มันมีกฎที่ออกโดย DSI เองว่า ถ้ามีผู้ป่วย ที่ต้องส่งไปรักษา ให้ส่งมาที่ประตู 7 เท่านั้น เพื่อที่จะส่งต่อให้กู้ชีพภายนอก เช่น กู้ชีพ 1669 ที่อยู่หน้าวัด พาไปรักษาต่อ ประตูอื่นเขาปิดหมดแล้วครับ แม้แต่กล้องวงจรปิดที่ประตู 7 DSI ก็ถอดปลั๊กออกแล้ว 
แต่อันนี้ไม่ได้จะส่งไปรักษาครับ เพราะเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ยังไงก็ต้องไปปฐมพยาบาลก่อนซึ่งเร่งด่วยที่สุด แต่ DSI สนแต่ ม.44 เท่านั้น

ทีนี้พี่หมวย ที่ต่อรองกับ DSI ที่ยืนยันจะใช้ ม.44 โดยที่ไม่สนใจชีวิตคนไข้ภาวะฉุกเฉินเนี่ย ก็ต้องรับสภาพล่ะครับ เพราะว่าเขาบอกว่าเขาต้องทำตามกฎ ตอนนี้เวลาก็เลยไปเกิน 10 นาทีแล้วนะครับ อยู่ในระหว่าง 11:48 - 11:56  ที่คุยกับ DSI แล้วเขาพาขึ้นรถเพื่อไป ประตู 7 หน้าวัด และต้องอ้อมไปทางหลังวัดนะครับ เพราะเส้นทางคลองแอล ปิดหมด ระหว่างขึ้นรถ พี่หมวยก็ติดต่อ 1669 ได้แปบนึง แต่คุยกันลำบากมาก เพราะสัญญาณแย่มาก

ตอน 12:04  ระหว่างที่ผ่าน 58 ไร่  พี่เขาก็ขอลงตรงนี้เผื่อที่จะเข้าไปช่วยทันด้วยความหวังที่แทบจะไม่มีแล้ว เพราะคนไข้หายใจไม่ออกมานานครึ่ง ชม. แล้ว แต่ DSI ผู้ที่เคร่งครัดมาก ๆ ใน ม.44 ก็ไม่สนใจ บอกแค่ว่า เขาต้องทำตามกฎ อย่ามาทำให้เขาลำบากใจ และไม่ปล่อยตัวลง ให้ไปที่ประตู 7 เท่านั้น

พอไปถึงประตู 7 เวลาประมาณ 12:10 ก็ได้พบกู้ชีพ 1669 แล้วพี่หมวยก็เสียเวลาเจรจาและตรวจบัตรและซักถามจาก DSI อีกพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็หลุดออกมาจากประตู 7 พร้อมกับ กู้ชีพ 1669 ตอน 12:20 เจอด่านประมาณ 5 - 6 ด่าน ก็รายงานเหตุฉุกเฉิน ขอยืนยันตรงนี้เลยนะครับ ว่าด่านภายในวัดตั้งแต่ 12:20 ไม่ได้ขัดขวางอะไรเลยครับ เพียงแค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น
แต่ที่มีปัญหาคือ ก่อนหน้านั้นครับ เข้าใจตามนี้นะครับ

พอไปถึงแฟลตพี่พัฒน์ ก็มาติดรถตำรวจนิดหน่อยที่จอดขวางไว้ แต่ก็ไม่มีปัญหา  มาถึงห้องพี่เขาตอน 12:31 ซึ่งถือว่า 1669 ทำงานได้เร็วมาก ต้องชื่นชมจริงๆ แต่ถึงเร็วอย่างไรก็สายอยู่ดี พอมาถึงประตูล๊อกอยู่ ต้องช่วยกันพังประตู พอเข้าไปก็เห็นพี่พัฒน์นั่งท่าขัดสมาธิคอพับฟุบอยู่ ก็รีบเข้าไปช่วยกันช่วยชีวิต ทั้งปั๊มหัวใจ ผายปอดต่างๆ นา ๆ แต่ก็ไม่ทันแล้วครับ 

หลังจากนั้นก็เป็น DSI และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาดูสภาพ และเป็นพระมหานพพร เข้ามาดูตอน 14:00 และชุดที่มาเคลื่อนย้ายศพไปชันสูตรต่อ มาตอน 14:50 

คาดว่าพี่เขาน่าจะเสียไปก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกตอนที่เจรจากับ DSI แล้วครับ น่าจะราว ๆ เที่ยง ขอส่งบุญให้พี่พัฒน์นะครับ ขอบคุณที่เคยดูและ และอย่าลืมไปหา DSI คนที่รักษา ม. 44 ยิ่งชีพ และคนที่ออก ม.44 ด้วยนะครับ 



ทีนี้มาที่ข้อสงสัยกันบ้างนะครับ


1. เป็นพยาบาลวัดทำไมไม่มียาประจำตัว แล้วรู้ว่าป่วยทำไมไม่กลับบ้าน

พี่พัฒน์เป็นโรคภูมิแพ้ มีอาการหอบหืดบ้าง พี่เขามียาประจำตัว แต่เกิดอาการรุนแรงกว่าปกติ ยาที่มีเอาไม่อยู่ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือมายังจุดพยาบาลบุญรักษา  จากจุดพยาบาลของวัดก็ไปถึงได้ไม่นาน  แต่ครั้งนี้เป็นเขต ม.44 จึงกู้ชีพวัดจึงผ่านไปไม่ได้ ซึ่งถ้าให้ผ่านได้ เห็นแก่ชีวิตคนมากกว่า ม.44 พี่พัฒน์คงไม่ตาย
ป่วยแล้วไม่กลับบ้าน เพราะบ้านพี่เขาอยู่ตรงนั้นอยู่แล้วครับ จะให้เขากลับไปไหน
และถ้าเขตพื้นที่ ม.44 คือออกได้ห้ามเข้า แปลว่าเขาจะไม่ได้กลับบ้านนะครับ


2 ที่วัดก็มีหมอมีพยาบาลมีอุปกรณ์พร้อม ทำไมไม่ช่วย

กู้ชีพที่ส่งไปก็ส่งไปก็เป็นคนของวัดที่มีความรู้ความสามารถ และกู้ชีพที่ไปในครั้งนี้ มี 2 ชุดคือ กู้ชีพวัดจากศูนย์บุญรักษา และกู้ชีพ 1669 ไม่ใช่มีแต่กู้ชีพ 1669 ตามที่คนเข้าใจในข่าว แต่ที่เรียก 1669 มาด้วยเพราะกู้ชีพวัดไม่สามารถไปได้เพราะติดด่าน และเมื่อเรียก 1669 เขาก็ไม่ทราบเส้นทาง ซึ่งถ้าทราบเส้นทาง 1669 ก็สามารถไปเองได้เลย แต่เมื่อไม่ทราบก็ต้องนัดเจอ ที่ประตู 7 แล้วพาไป ซึ่งก็ทำให้ไปไม่ทัน


3. บอกเส้นทางให้กับกู้ภัย 1669 เลยไม่ได้เหรอ

พี่หมวยพยายามจะบอกเส้นทางแล้ว แต่สัญญาณโทรศัพท์ในวัดแย่มากจริง ๆ เนตก็ขาด ๆ หาย ๆ เพราะ DSI ตัดสัญญาณรอบวัด ได้แต่สัญญาณจากเสาที่อยู่ไกล ๆ ออกไป จึงยังพอมีใช้ได้บ้าง แต่ก็ไม่เต็มที่ ทำให้การสื่อสารและการนัดเป็นไปอย่างยากลำบากมาก จะเห็นว่าแม้ติดก็คุยได้เพียง 2-3 นาทีเท่านั้นก็จะตัดสาย


4. โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ทำไมไม่ใช้ วิทยุสื่อสาร เพราะกู้ชีพกู้ภัยเขาก็จะใช้กัน

ที่สถานพยาบาลบุญรักษาไม่มีวิทยุระยะไกล (วอดำ) มีแต่ระยะใกล้ (วอแดง) และการจะใช้วอดำ ก็ต้องไปขออนุญาตก่อน จึงใช้แต่วอแดงเป็นหลัก ทำให้ติดต่อกับกู้ชีพ 1669 ที่ใช้วอดำไม่ได้ ซึ่งทาง 1669 ก็ทราบปัญหาของวัดพระธรรมกายในข้อนี้ดี


5 เห็นบอกว่าติดด่านทหาร แต่กู้ชีพ 1669 บอกไม่ได้ติดด่านไหนเลย

กู้ชีพ 1669 มาตอน 12:10 ที่หน้าประตู 7 และผ่านได้ตลอด แต่ติดด่านคือช่วง 11:35 - 12:10 ซึ่งเป็นก่อนหน้านั้น เป็นชุดกู้ชีพของวัดที่ถูกขัดขวาง

โปรดเข้าใจว่า กู้ชีพมี 2 ชุด ซึ่งชุด 1669 มาตอนที่ไม่ได้มีการขวางแล้ว และเวลา DSI กับสื่อออกข่าว ก็จะให้ชุด 1669 ออกข่าว ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ได้ติดปัญหาของด่าน


6 ทำไมไม่พาผู้ป่วยมาที่ประตู 7 เลย

อย่าว่าแต่พามาเลยครับ แค่กู้ชีพของวัดจะเจอผู้ป่วยก่อนเพื่อปฐมพยาบาล DSI ยังไม่ให้เลย 
ถ้าพาผู้ป่วยมาที่ประตู 7 ได้ กู้ชีพที่วัดคงปฐมพยาบาลเองเลยมากว่า


7. ทำไมต้องใช้เส้นทางอ้อม ทำไมไม่ใช้เส้นทางใกล้กว่านี้

แม้แต่ตอนที่ DSI พามาที่ประตู 7 ก็ยังต้องใช้ทางอ้อมเช่นกัน
เพราะเส้นทางตรงคือ เส้นคลองแอล มีด่านตำรวจและ dsi ปิดถนนตลอดเส้นทาง ใช้เส้นนั้นไม่ได้แน่นอน


8. ตายมาแล้ว 5ชั่วโมง

เป็นไปไม่ได้ และมีจุดที่น่าสังเกตในประเด็นนี้หลายจุด
- ตอน 11:29 พี่พัฒน์ ไลน์มาเพื่อขอความช่วยเหลือได้
- มีการโทรกลับเพื่อเช็ค พี่พัฒน์ยังคุยได้แต่กระท่อนกระแท่นมาก
- เมื่อชุดกู้ภัยทั้งสองชุดไปถึง พบพี่พัฒน์นั่งฟุบอยู่ ก็พยายามช่วยชีวิตโดยการปั๊มหัวใจและผายปอด หากพี่พัฒน์เสียมาแล้ว 5 ชั่วโมง เขาไม่จำเป็นต้องปั๊มแล้วครับ เพราะร่างการคนพอเกิน 2 ชั่วโมงก็จะเริ่มแข็งแล้ว โดยเฉพาะขากรรไกร ซึ่งกู้ชีพจะรู้ทันที แต่ที่เขาพยายามช่วยชีวิต เพราะเพิ่งเสียไงครับ ร่างกายยังนิ่มอยู่

ชุด DSI เคยระบุช่วงเวลา และสาเหตุการเสียชีวิตของนายธวัชชัยที่ผูกคอแต่ตับแตกตายในห้องขังเดี่ยวใน DSI เอง และไม่ตรงกับคำให้การของโรงพยาบาลมงกุฏรัตนะมาแล้ว และคดีนี้ก็เงียบไปแล้ว ที่น่าแปลกใจคือ DSI เองมากกว่า
เรื่องการเสียชีวิตของนายธวัชชัยตับแตกตายที่ DSI ที่ไม่ตรงกัน https://goo.gl/QMfd8B


9. มีผู้ทำให้ตายก่อนนี้แล้วหรือไม่ แล้วมาบิดเบือนทำให้เข้าใจผิด

จะทำเพื่ออะไร ถ้าจะบิดเบือนขอรักษาชีวิตคนไว้ดีกว่า
และห้องเป็นห้องเดี่ยว ตอนไปถึงกุญแจก็ล๊อคจากข้างในต้องพังเข้าไป ซึ่งถ้ามีคนทำให้ตายเขาคงออกไม่ได้ และด้านล่างก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมทั่วบริเวณ


10. ถ้าหลวงพ่อออกมาก็จบ

ขนาดคนตายขนาดนี้ DSI ยังบอกข้อมูลบางอย่างไม่ครบถ้วนเลยครับ คิดเหรอครับว่าหลวงพ่อออกมาแล้วจะจบ
- เคยเห็นหน้า DSI คนที่ห้ามไม่ให้ไปพบผู้ป่วย เลือก ม.44 มากกว่าผู้ป่วยฉุกเฉิน มาออกรับผิดชอบไหมครับ
- DSI บอกว่าถ้าเป็นเหตุฉุกเฉินไม่มีการปิดกั้น สามารถเข้าไปช่วยได้เลย ซึ่งไม่จริงเลย หลักฐานคือ พี่พัฒน์ป่วยอยู่หลังวัด แต่ DSI พามาหน้าวัดทำไม
- DSI ปกปิดเรื่องของการขัดขวางกู้ชีพของวัด ตอนช่วง 11:30 -12:00 แต่จะพูดแค่ช่วง 12:10 - 12:31 ที่เป็นกู้ชีพ 1669 เท่านั้น
- DSI บอกว่า ตายมาแล้ว 5 ชั่วโมง เพื่อเป็นการพยายามบิดเบือนอะไรหรือเปล่า และถ้าตายไปแล้ว 5 ชั่วโมงเขาจะปั๊มหัวใจทำไม อย่าลืมคดีผูกคอตับแตกตายนะครับ


เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้า DSI เลือกชีวิตคนมากกว่า ม.44

ขอร้องล่ะครับ ยกเลิก ม.44 ซะทีเถอะครับ ก่อนที่จะมีคนตายไปมากกว่านี้ 

และอย่าบิดเบือนสื่อเลยครับ ความจริงมีอยู่ แต่พวกคุณออกสื่อข้างเดียวมากกว่า


พี่พัฒน์ ผมจะไม่ให้พี่ถูกสื่อบิดเบือนความจริง
ขอส่งทุก ๆ บุญ ให้พี่สู่สุคติ

น้องแสนดี
3 มีนาคม พ.ศ. 2560

......





ความจริงพร้อมหลักฐาน เรื่องพี่พัฒน์ (นางสาวพัฒนา เชียงแรง) ทำความเข้าใจ และช่วยกันขยายความจริง ก่อนที่การเสียชีวิตของพี่เขาจะถูกบิดเบือนไปมากกว่านี้

น้องแสนดี 3/3/60
.........................
Cr. น้องแสนดี
ติดตามน้องแสนดีได้ทาง

Facebook
https://goo.gl/k6Gved

Twitter  
https://goo.gl/uEWs70

Line@ 
https://goo.gl/IwPnmK

คลิปสัมภาษณ์ครั้งที่สอง
https://goo.gl/93CYn8

#ความจริง
#พยาบาล
#ตาย
#ธรรมกาย
#DSI
#ม44
#humanright
#UN
#สิทธิมนุษยชน


.......................

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

blog Nongsaandee by Nongsaansuai Template by Ipietoon Cute Blog Design