ไปตรวจวัดที่มีพระเณรอยู่ไม่ถึง 5 รูป แต่เอาเจ้าหน้าที่ไปร่วมสองร้อยเลยเชียวครับ
แต่ไปถึงเห็นความเป็นอยู่ของพระเณร สมถะมากไม่มีอะไรเลย แต่ข่าวกลับออกว่า เหมือนรีสอร์ท ตลกแล้วครับ ท่านเห็นไหมครับ ว่าอาคารทั้งหมด คือไม้ไผ่ และพระเณรทำกันเอง
มีการตั้งข้อหาว่า รุกที่ป่าสมบูรณ์ ในเขตที่มีพื้นที่ต้นไม้ใหญ่กว่าคนโอบเกิน 8 ต้นขึ้นไป
https://www.youtube.com/watch?v=7KVhucmBbqs
คือมั่วมากครับ...
แต่ถ้าดูจากหลักฐานแล้ว คือเป็นป่าเสื่อมโทรมที่เป็นไร่ข้าวโพดของชาวบ้านอยู่ก่อนแล้ว แต่มันเป็นเขตที่เว้าเข้าไปในเขตป่า เจ้าหน้าที่จึงหาว่าที่เว้าเข้าไปนั่นคือพระทำ ดูจากหลักฐานเลยครับ ว่ามันเป็นเขตเสื่อมโทรมทำไร่ก่อนแล้ว
และท่านก็ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลก่อน เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการรับรองอย่างถูกต้อง ซึ่งต้องใช้เวลา เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อนได้เลย เพราะเห็นความตั้งใจที่จะพัฒนาพื้นที่ และเป็นเขตป่าเสื่อมโทรมอยู่แล้ว
กฎหมายมีหลายฉบับ ถ้าจะใช้ให้เป็นโทษก็ตั้งข้อหาบุกรุกป่าสงวน จับพระเข้าคุกอย่างเดียว
แต่ถ้าใช้ให้เป็นคุณก็แนะนำให้จดทะเบียนเป็นพุทธอุทยาน แล้วก็ให้พื้นที่ตรงนั้นมีพระผู้ดูแลป่า และปลูกศีลธรรมให้ชุมชนเถอะ
พระก็มีที่เผยแผ่ธรรมะปฏิบัติธรรม เด็กๆ ที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนก็มีสถานที่ศึกษาธรรมะ ได้เรียนหนังสือ เรียนธรรมะ รู้จักรักษาศีล 5 ชาวป่าชาวดอยก็มีโอกาสศึกษาธรรมะ เหมือนกับคนในเมือง พระพุทธศาสนาก็เผยแผ่ไปทั่วถึงในป่าดอย ...
เรื่องนี้เห็นชัดเจนว่า ฝ่ายบ้านเมืองต้องการใช้กฎหมายให้เป็นโทษมากกว่า ถ้าทำแบบนี้อนาคตวัดป่า 5,000 แห่ง คงสูญพันธุ์จากประเทศไทยเป็นแน่
พระอาจารย์ ธาดา จรณธโร
ท่านเสียสละชีวิตทางโลกของท่าน ที่เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่ที่หนึ่ง เงินเดือนหลายแสน ครบเรื่องความสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมทุกอย่างแต่รักชีวิตนักบวชมากกว่า จึงไปบวช และไปอยู่ที่นั่น เพื่อพัฒนาวัดที่ร้าง ในช่วงแรกๆ ไม่มีน้ำไม่มีไฟไม่มีโทรศัพท์ใช้ อยู่หลายปี ชาวบ้านที่นั่นถูกศาสนิกอื่นชักชวน ไปเป็นสมาชิกในศาสนาเขาเยอะแล้ว
นอกจากนั้นพระธาดา ท่านยังชวนชาวบ้านและเยาวชนช่วยกันปลูกป่า เพื่อรักษาต้นน้ำลำธาร และรักษาธรรมชาติเอาไว้ จนไร่เก่าที่ท่านเข้าไปทำประโยชน์ค่อยๆคืนชีพกลับเป็นป่าขึ้นมา ภายใต้ชื่อ
มูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์
ที่พระธาดาก่อตั้งขึ้นมาจนได้รับรางวัล
องค์กรสาธารณประโยชน์อันดับหนึ่ง
ของจังหวัดตากประจำปี 2556
ส่วนเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่นั้น ที่ตรงนี้เดิมเป็นที่ที่ชาวบ้าน บุกรุกป่าไม้ ถางป่า และใช้ปลูกพืชไร่ เช่นข้าวโพดกันมานานแล้ว เป็นบริเวณกว้าง จนที่เลี่ยนเตียน หาต้นไม้ใหญ่ได้น้อยมาก หน้าดินเสื่อมโทรมถูกชะล้าง
และท่านได้ทำตามขั้นตอนตั้งแต่ทำประชาคมกับชาวบ้าน ขออนุญาตเทศบาลตำบลและสำนักงานป่าไม้จังหวัด
เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย ที่รอการอนุมัติจากกรมป่าไม้เท่านั้น
ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่พระธาดาท่านคิดว่าท่านทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของสังคม ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง และมีเด็กๆเยาวชนหลายโรงเรียนรอเข้าคิวเพื่อจะมาอบรม ที่ศูนย์อบรมเยาวชนของท่านอยู่ ท่านจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างที่จำเป็นล่วงหน้าไปก่อนบางส่วนโดยใช้ไม้ไผ่ เป็นหลัก จะไม่ใช้ไม้ใหญ่เลย แม้พื้นยังใช้ไม้เทียม และทำทุกอย่างที่เป็นเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติจริงๆ
ทั้งชวนชาวบ้านบวชต้นไม้ ปลูกป่า และลงทำงานเชิงอนุรักษ์ร่วมกับชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการอนุรักษ์ธรรมชาติและงานไม้ไผ่
ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าท่านรุกป่าสมบูรณ์และทำการตัดไม้แผ้วถางป่า จึงเป็นไปไม่ได้เลยครับ
น้องแสนดี
1 สิงหาคม 2559
.........................
แถลงการณ์คณะศิษย์เรื่องที่ดินวัดถ้ำเนรมิต กับ มูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ วันที่ 1 ส.ค. 59
https://youtu.be/K7FDutLcT9k
อ้างอิง มูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์
http://virginnaturefoundation.org/
http://specialcasestudy.blogspot.com/2016/07/blog-post_17.html
http://www.winnews.tv/news/5940
http://www.policetv.tv/News/news524.html
.....................................................
น้องแสนดี
ชี้แจงข่าวมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ อ.อุ้มผาง จ.ตาก
พื้นที่เป็นไร่ข้าวโพดเป็นป่าเสื่อมโทรมอยู่ก่อนแล้ว และพระเข้าไปพัฒนาและปลูกป่าเชิงอนุรักษ์ โดยขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนแล้ว
ถ้าเข้าไปรุกที่ป่าสมบูรณ์ มีการตัดไม้ใหญ่ตามข่าว จะปลูกกุฏิด้วยไม้ไผ่ทำไม
..........................................
Cr.น้องแสนดี
ติดตามน้องแสนดีได้ทาง
เฟสบุ๊ค https://goo.gl/aSxhCK
Line@
http://line.me/R/home/public/post?id=pif8758o&postId=1147003991810078848
ทวิตเตอร์ https://twitter.com/nongsaandee/status/760029368777183232
..........................................
ย้อนกลับไปที่สารบัญ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น