ปัจจุบันเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับคำว่า อั้งยี่ นัก แต่ศัพท์คำนี้เป็นศัพท์ที่มีอยู่ในกฎหมายอาญาแห่งราชอาณาจักรไทยมาเนิ่นนาน โดยมีประวัติที่อ้างอิงจากคำบอกเล่าของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้เป็นพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยเกี่ยวกับประวัติของอั้งยี่โดย ท้าวความจากการสัมภาษณ์พระอนุวัตรราชนิยมผู้เคยเป็นหัวหน้าอั้งยี่ ว่าอั้งยี่นั้น ถือกำเนิดขึ้นในสมัยพระเจ้าคังฮี รัชกาลที่ 2 ราชวงศ์ไต้เช็ง
ในครั้งนั้น พวกฮวนเฮงโน้ว จากทิศตะวันตก ยกกองทัพมาตีหัวเมืองจีน พระเจ้าคังฮีจึงประกาศหาตัวผู้อาสาไปปราบพวกฮวน เป็นจำนวนเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทอง และมีหลวงจีนจำนวน 128 รูปเข้าอาสา โดยพระเจ้าคังฮีส่งขุนนางผู้ใหญ่ชื่อเต็งกุนตัดคุมทัพไปช่วยรบ ผลปรากฏว่าได้ชัยชนะเหนือข้าศึกมาสมใจ พระเจ้าคังฮีจึงมอบรางวัลให้ตามสัญญา และตั้งเต็งกุนตัดเป็นแม่ทัพใหญ่
ต่อมาไม่นาน ขุนนางกังฉินสองคน หาเรื่องใส่ความเต็งกุนตัดและหลวงจีนว่าหากรวมกำลังกันจะเป็นภัยต่อราชสมบัติ ซึ่งพระเจ้าคังฮีก็คล้อยตามและสั่งให้ทั้งสองหาทางกำจัดเต็งกุนตัดและหลวงจีน จนเต็งกุนตัดเสียชีวิตและเหลือเพียงหลวงจีน 5 รูปที่ยังมีชีวิตอยู่ จากจำนวน 128 รูป ที่มีอยู่เดิม
ต่อมาหลวงจีนทั้งห้าและภรรยาแม่ทัพเต็งกุนตัดผู้ล่วงลับได้พบตัวอักษรสี่ตัวว่า หวน เช็ง หก เหม็ง แปลความได้ว่าให้กำจัดเช็ง มอบบ้านเมืองให้เหม็ง ปรากฏต่อหน้าเหมือนกัน แต่ต่างสถานที่ จึงคิดว่านี่คงเป็นลิขิตฟ้า ประกาศิตสวรรค์ จึงร่วมมือกันเกลี้ยกล่อมผู้คน ซ่องสุมกำลังตั้งเป็นสมาคมเพื่อสู้รับกับรัฐบาลคังฮี แต่ก็รบแพ้ ดูชะตาแล้วเห็นว่าชะตาของรัฐบาลกล้าแข็งจึงแยกย้ายกันออกไปซุ่มซ่อน รอเวลาฟ้าดินให้สัญญาณก็จะรวมตัวกันลุกฮือทำสงครามล้มเช็ง กู้เหม็งในครั้งต่อไป
เราจะเห็นได้ว่าต้น กำเนิดของอั้งยี่ นั้น มาจากการที่พระเจ้าคังฮี หลอกใช้คนเก่งคนดีไปทำสงครามแล้วหักหลังวางแผนฆ่า จนอั้งยี่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วค่อยๆเติบโตขึ้น
คิดไปคิดมา กรณีที่มีคนหาว่าคนอื่นเป็นอั้งยี่ที่เพิ่งเป็นข่าวครึกโครมไม่นานนี้ก็เช่นกัน คนที่กล่าวหาคนอื่นน่ะ ก็ใช่ว่าจะเป็นพวกบริสุทธิ์ผุดผ่อง มีคดีติดตัว ชนักติดหลังก็ตั้งเยอะแยะ แต่ชอบใส่ร้ายใส่ความระรานเขาไปทั่ว แถมถือตัวว่าตัวข้าทำอะไรก็ไม่ผิดในดินแดนสนธยาที่ความยุติธรรมช่างหายากราวกับหาหนวดเต่าในแดนกะลาอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าคนที่ว่าเขาเนี่ย เกิดมาไม่เคยส่องกระจกหรืออย่างไร ว่าเขาไปทั่ว ล้วนเข้าตัวเองทั้งนั้น
ตอนนี้เรามาดูกฎหมายว่าด้วยเรื่องของอั้งยี่ในประมวลกฎหมายอาญาแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ความว่าอย่างนี้
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่
มาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้นผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
สรุปว่า
องค์ประกอบความผิดฐานเป็นอั้งยี่มีอยู่สามประการคือ
- เป็นสมาชิกประจำของคณะบุคคล
- ซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการ
- มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
เว้นจากนี้จะไม่ถือว่าเข้าองค์ประกอบความผิด จึงไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานอั้งยี่ โดยมีคำจำกัดความเพิ่มเติมดังนี้คือ
“คณะบุคคล” คือ การรวมตัวของคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป
“สมาชิก” ต้องมีสิทธิในที่ประชุม (ร่วมปรึกษาหารือลงคะแนนเสียง)
เว้นจากคำจำกัดความดังกล่าว ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานเป็นอั้งยี่
เดี๋ยวจะหาว่าแสนดีโม้ครับ ลองมาดูฎีกาเกี่ยวกับความผิดฐานเป็นอั้งยี่กัน
ฎีกาที่ ๑๑๗๖/๒๕๔๓ จำเลยเข้าเป็นสมาชิกกองกำลังอาวุธโจรก่อการร้ายกระบวนการ บี อาร์ เอ็น กลุ่มนาย อ. มีพฤติการณ์กระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ เรียกค่าคุ้มครอง ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ อันเป็นคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย จึงมีความผิดฐานอั้งยี่
ความผิดสำเร็จเมื่อเข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลไม่จำเป็นต้องกระทำการสำเร็จตามความมุ่งหมายนั้น
ส่วนการสวดมนต์ให้พรและขจัดเสนียดให้ประเทศชาติ ก็ไม่ทราบว่ามันไม่ชอบด้วยกฎหมายตรงไหน ก็ในเมื่อตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษก็มีการสวดมนต์ข้ามปี สวดมนต์ในวาระต่างๆเพื่อสร้างความเป็นมงคลแก่แผ่นดินอยู่แล้ว
มันมีอีกข้อที่คล้ายกันครับ ข้อ 210 กฎหมายซ่องโจร
ความตาม มาตรา 210 ที่ว่า...
ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษ จำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานป็น...ซ่องโจร
- อั้งยี่ผิดเมื่อเข้าเป็นสมาชิก แต่ซ่องโจรผิดเมื่อสมคบกัน
- อั้งยี่ไม่จำกัดจำนวนสมาชิก แต่ซ่องโจรอย่างน้อยต้องห้าคน
- อั้งยี่รวมตัวกันในลักษณะถาวร แต่ซ่องโจรไม่ต้องถาวร
- อั้งยี่ไม่จำกัดว่าตั้งขึ้นเพื่อกระทำความผิดฐานใด แต่ซ่องโจรจำกัด
ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่บัญญัติไว้ในภาคสอง และความผิดนั้นต้องกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป
...อะ คราวนี้ลองมาดูอีกฝ่าย...
ทำตัวเป็นเจ้าพ่อ ปิดถนน ขัดขวางการเลือกตั้ง ให้คนไปรุมกระทืบคนที่มาขยับกรวยขวางถนน ให้ลูกน้องเอาอาวุธปืนไปไล่ยิงชาวบ้าน ไปรีดไถเงินจากโรงแรม อะไรที่มันทำให้ประเทศชาติเสื่อมโทรมทำหมด
....พฤติกรรมเช่นนี้ ล้วนเข้าลักษณะไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น....
...ไม่ทราบว่าที่พัก ข้างทาง เดินไปที่ไหนก็เหอะ ไม่เคยเห็นกระจกหรือไร จะซื้อให้...
อ้อ หรือส่องแล้ว เห็นตัวเอง แต่ดันนึกว่าเป็นคนอื่น เหมือนน้องตูบที่บ้านเนี่ย ไม่รู้เป็นไงชอบเห่าใส่กระจกเงา ยิ่งส่องยิ่งเห่าดัง
มาว่าคนอื่นเป็นอั้งยี่ ตัวเองเหมือนซ่องโจรไหมนั่น
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
................................
- เป็นสมาชิกประจำของคณะบุคคล
- ซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการ
- มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้นพระมาสวดมนต์ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานอั้งยี่นะครับ
น้องแสนดี
29 กรกฎาคม 2559
................................
อั้งยี่นี้ มีมา เมื่อครั้งหนึ่ง
กองโจรซึ่ง ถูกปราบ ราบคาบสิ้น
โดยหลวงจีน และแม่ทัพ ปราบทมิฬ
แต่กังฉิน ป้ายทา ข้อหาไป
มาสาดโคลน ผู้กล้า หน้าฮ่องเต้
ใช้ร้อยเล่ห์ ผลาญให้สิ้น ชีวินได้
ถูกประหาร แทบสูญหมู่ ผู้เกรียงไกร
อ้างเป็นภัย ความมั่นคง ของแผ่นดิน
ลองย้อนดู ตัวเอง นักเลงไหม
เที่ยวฟ้องใคร ทำอะไร ได้ทั้งสิ้น
เป็นกบฏ โทษประหาร มารแผ่นดิน
มีราคิน แต่เขื่องใหญ่ ใส่ความคน
สองศูนย์เก้า จะต้องร่วม รวมคณะ
ไม่ใช่พระ รวมกัน ไม่กี่หน
เพียงเจอกัน แค่ครั้งครา มาสวดมนต์
แต่พวกคน ดีออก หลอกใส่ความ
และต้องทำ ความผิด ด้วยกฎหมาย
เป็นผู้ร้าย ตรงไหน อยากจะถาม
พระรวมกัน สวดมนต์ไป ในเขตคาม
คนใจทราม เห็นบิด ผิดเช่นเคย
ลองตรองไป ใครหรือ คืออั้งยี่
คนหนึ่งที่ ทำชั่วช้า หน้าตาเฉย
อีกหนึ่งมี ความดีมาก ยากเปรียบเปรย
อยู่ไหนเอ่ย ยุติธรรม ในแดนไทย
Cr. Da Army
น้องแสนดี
29 กรกฎาคม 2559
..................................................
Cr.น้องแสนดี
ติดตามน้องแสนดีได้ทาง
เฟสบุ๊ค https://goo.gl/LQK1n2
Line@nongsaandee
http://line.me/R/home/public/post?id=pif8758o&postId=1146977110610074988
ทวิตเตอร์ nongsaandee
https://twitter.com/nongsaandee/status/758901432355467264
..................................................
ย้อนกลับไปที่สารบัญ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น